อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อย่างเช่นสมาร์ทโฟน และเครื่องคอมพิวเตอร์ มีความเร็วเพิ่มขึ้น และมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ แต่ก็ยังโชคดีที่ประสิทธิภาพของพวกมันไม่ได้เล็กลงตามขนาดตัว ในทางตรงกันข้าม ความเสถียรของอุปกรณ์เหล่านี้กลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามวิวัฒนาการของเทคโนโลยี และจุดหมายปลายทางของการย่อขนาดเทคโนโลยีให้เล็กลง ก็เหมือนจะมีจุดสิ้นสุดอยู่ที่เดียวคือ ต้องลงไปเล่นกันถึงระดับอะตอมเลย (อะตอม คือส่วนที่เล็กที่สุดของธาตุ ประกอบด้วยอนุภาคมูลฐานที่สำคัญ คือนิวเคลียสเป็นแกนกลาง และมีอิเล็กตรอนเคลื่อนที่อยู่โดยรอบ)
และนักวิจัยของ IBM ก็มุ่งหน้าไปสู่ความสำเร็จในระดับอะตอมกันแล้ว โดยเมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการประกาศถึงความสำเร็จ ในการจัดเก็บข้อมูลลงบนอะตอม เพียงอะตอมเดียว และนี่ถือเป็นก้าวย่างสำคัญ แห่งวิวัฒนาการของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เลยทีเดียว
ในเอกสารที่มีการเผยแพร่เมื่อเร็วๆ นี้ ผ่านวารสารทางวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อว่า Nature ได้มีการระบุว่าทีมนักวิจัย (ที่มีคนของ IBM อยู่ในทีมด้วย) นำเสนอรายละเอียด ของวิธีการจัดเก็บข้อมูลดิจิทัลลงในอะตอม เพียงอะตอมเดียวเท่านั้น จุดเริ่มต้นมาจากการศึกษาธาตุ โฮลเมียม (Holmium) เนื่องจากธาตุชนิดนี้ มีคุณสมบัติที่สามารถสร้างสนามแม่เหล็กที่มีความเข้มข้น และแต่ละอะตอมของธาตุ โฮลเมียม สามารถรักษาสภาพของขั้วแม่เหล็กเอาไว้ได้อย่างแน่นหนา กว่าอะตอมของธาตุชนิดอื่น ทำให้แต่ละอะตอมของ โฮลเมียม สามารถประยุกต์ใช้ในการเก็บข้อมูลดิจิทัลได้ (ข้อมูลดิจิทัลมีหน่วยเป็น บิต)
โดยข้อมูลแต่ละบิต ที่เก็บอยู่ในแต่ละอะตอมของธาตุโฮลเมียม จะขึ้นอยู่กับการจัดเรียงขั้วแม่เหล็กของแต่ละอะตอม ซึ่งก็คล้ายๆ กับหลักการจัดเก็บข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์แบบแผ่นจานแม่เหล็ก โดยในเวลานี้ทีมวิจัย สามารถใช้วิธีการอ่านข้อมูล 2 รูปแบบ เพื่ออ่านข้อมูลจากอะตอมของธาตุโฮลเมียม และในส่วนของการเขียนข้อมูลทับของเดิม ก็ทำได้โดยการกลับขั้วแม่เหล็กของอะตอม แล้ววางมันลงในตำแหน่งเดิม
นักวิจัยของ IBM ให้ข้อมูลว่า ฮาร์ดดิสก์ในยุคปัจจุบัน ใช้กว่า 100,000 อะตอม เพื่อเก็บข้อมูลเพียงบิตเดียว เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบโฮลเมียม ที่ใช้เพียงอะตอมเดียว เพื่อเก็บข้อมูล 1 บิต ลองจินตนาการดูว่า ฮาร์ดดิสก์แบบใหม่นี้ อาจมีขนาดเล็กกว่าเดิมถึง 100,000 เท่า โดยที่ยังสามารถเก็บข้อมูลได้เท่าเดิม หรือถ้าผลิตออกมาให้มีขนาดใกล้เคียงกับของเดิม ก็อาจจะจุข้อมูลได้ มากกว่าเดิมเป็น 100,000 เท่าเลยทีเดียว
ก็ต้องบอกกันอีกตามเคยว่า เทคโนโลยีล้ำๆ แบบนี้ยังไม่ได้ถูกผลิตออกวางจำหน่ายในทันที ต้องรอกันอีกเป็นปีกว่าเราจะได้เห็นของจริง และก็ยังนึกไม่ออกเลยว่า ฮาร์ดดิสก์รูปแบบใหม่นี้ จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเราไปได้มากขนาดไหน
ที่มา : https://news.thaiware.com/9789.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น